Friday, September 14, 2012

ทริป ไร่เลย์ทะเลกระบี่ ไปเช้า-เย็นกลับ (แต่ดันค้างซะงั้น - -'')

ทริปนี้ เรื่องมันเกิดจาก ตอนนั้น กทม. น้ำท่วม
เพื่อนที่ กทม. มันเลยขนกันมาเที่ยวกระบี่กัน

แล้วพากันไปเที่ยว 4 เกาะ กัน
(ทะเลแหวก ปอดะ ไร่เลย์)
ซึ่งที่จริง ผมก็ไปบ่อยนะ แต่ผมก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลย
ว่าตรงหน้าถ้ำพระนางมันจะเดินไปทะลุหาดไร่เลย์ฝั่งตะวันออกได้
ซึ่งระหว่างทาง มันมีป้าย ชี้ขึ่นเขา บอกว่า "Lagoon"
(lagoon คือ สระน้ำ อะไรประมาณเนี้ย)

ซึ่งผมก็เกิดอาการอยากไป
แต่เนื่องจาก เมื่อวานเพื่อนๆ ผม
มันไปโดนขึ้นบรรไดเขาวัดถ้ำเสือกันมา
แล้วพวกมันหมดแรงแระ เลยไม่มีใครอยากขึ้นซักคน
และบวกกับ วันนี้ เย็นแล้ว
ต้องกลับฝั่งกันแล้ว ก็เลยไม่มีใคร คิดจะขึ้นกัน

ผมก็เลยเอาวะ .. "เดี๋ยว กูมาเอง คนเดียวก็ได้"

และนี่คือจุดเริ่มต้นของวีรกรรมที่จดจำไปอีกนาน >_<



ตอนเช้า ผมออกตัวจาก รร.ซิตี้
โดยผมวางโปรแกรมไว้ว่า
ออกตัวแต่เช้า แล้ว เดี๋ยวไปกินข้าวเช้า
เอาแถวๆ หาดอ่าวนาง
แล้วค่อยขึ้นเรือจากอ่าวนางไปไร่เลย์
ซึ่งก็คิดในใจว่า .. ไงๆ ก็ไม่เกินเที่ยง
พอถึง ก็คงปีนเขา ไป วิวพ้อย+lagoon
แล้วนั่งเรือกลับก่อน 5 โมงเย็น
เพื่อที่จะกลับมานอนในตัวเมือง
(ถ้าเกิน 5 โมง ค่าเรือจะแพงขึ้น
และ คิดว่า ราคา รร. ที่นั่น น่าจะแพงกว่าในเมือง)

แต่ด้วยความที่ว่า เผื่อไปถึงแล้ว
ต่อมอารมณ์ติสมันจะเกิดแตก
เดี๋ยวดันเกิดอาการคัน อยากจะเล่นน้ำทะเลขึ้นมา
แล้วอยากเปลี่ยน ก่อนกลับฝั่ง
ผมก็เลยพาเป้เสื้อผ้าไปด้วย (เผื่อเปียก)

----------
พอออกจาก โรงแรม ผมก็เลี้ยงซ้าย
ไปขึ้นรถสองแถวสีขาวๆ จากบริเวณ 7-11
ใกล้ๆ ห้างโว๊ก เพื่อมาอ่าวนาง (ค่ารถ 50 บาท)
แล้วก็โทรให้เพื่อนที่นั่น มารับไปหาอะไรกินแถวๆ อ่าวนาง

ในภาพ มากินกินติ่มซำกุ้ง+โจ๊ก
ที่บริเวณ ใกล้ๆ ไปรษณีอ่าวนาง
เนื่องจากแถวๆนั้น อิสลามเยอะ
จึงเป็น ติ่มซำกุ้งสับ แทนหมูสับ นะครับ ... (แซบหลาย)

----------
จากนั้นก็มาขึ้นเรือ ตรงที่เค้าขายตั๋ว
ค่าตัวไปไร่เลย์ราคา 100 บาท
ซึ่งก็ต้องรอให้ครบ 8 คน ถึงจะได้ไป
แต่ถ้าเหมารู้สึกจะ 700 หรือ 800 บาทนี่แหละ
เรือที่ไป เป็นเรือหางยาว มีหลังคา มีเสื้อชูชีพ
ส่วนเกาะที่เห็นไกลๆ นั่น เกาะ ปอดะ ครับผม
(ทั้ง 3 ภาพนี้ ถ่ายจากที่ขึ้นเรือ ครับผม)




----------
จากนั้น ก็ ขึ้นเรือไปกับฝรั่ง
(โอ้ว สมาชิก ทั้ง 8 ตอนขาไปของผม ไม่มีสาวๆ วัยรุ่นเลย >_<)

----------
ภาพนี้ถ่ายโรงแรมทางฝั่งอ่าวนาง
จากบนเรือขณะไปไร่เลย์
ผมว่า น่าพักมาก ไม่รู้คืนเท่าไหร่
เอาเป็นว่า ถ้ารวยมากๆ อาจจะสนองกิเลสตัวเองซักครั้ง
แต่แบบดีๆ เนี้ย คืนเป็นหมื่นก็มีนะ
พอมาคิดๆ แล้วเสียดายตัง
คนจนๆ แบบผมยอมกางเต้นนอนดีฝ่า

----------
เอาล่ะ .. ก่อนจะถึงไร่เลย์กัน
ก่อนอื่นอยากให้ดู ภาพแผนที่ประกอบก่อนนะ

หลังจากขึ้นเรือมา เค้าจะเอาเรามาทิ้งที่
ไร่เลย์ฝั่งตะวันตก (Railay West Beach)

แต่ผมบอกคนเรือว่า
"พี่ไปลง หน้าถ้ำพระนางได้มั้ย"
ซึ่งเค้าก็มาส่งนะ (ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม)

จากนั้นผมก็ไปเดินจากอ่าวพระนาง
(Pranang Cave Beach) [ด้านซ้าย]
ไปทาง ถ้ำพระนาง
(Pranang Cave) [ด้านขวา]
แล้ว ตรงเส้นขาวๆ จะเป็นทางเดิน
เชื่อมไป ไร่เลย์ฝั่งตะวันออก
(Railay East Beach)

ส่วน View Point ด้านซ้าย
ผมยังไม่เคยไปนะ แต่ใน youtube
ที่เรย์ แม็กโดนัล ถ่ายไว้
ผมว่าก็สวยดีนะ

ดังนั้น ถ้าจะเที่ยวให้ทั่ว
อาจจะต้องพัก 2 คืน
เพราะ มันเดินทะลุถึงกันได้หมด
(เดินไปอ่าวต้นไทร[Ton Sai Bay Beach] ได้ด้วย)

เอาล่ะ ทีนี้ อยากให้มอง ตรง ปลายเส้นขาวๆ
ที่เป็นทางเดินเชื่อมไป ไร่เลย์ฝั่งตะวันออก
(ที่มี Rock Climbing จะมีร้านค้าอยู่)
ให้ทำเนียล ซื้อน้ำ ซักขวด แล้วฝากเป้ที่นั่น
บอกเค้าว่าจะไปขึ้น viewpoint (พี่เค้าใจดี ให้ฝาก)
เราก็จะ ปีน view point+lagoon ด้านขวา
แล้วขากลับลงมา เราก็จะมีเวลาเล่นน้ำได้
ค่อยไปเอาเป้ที่ป้า
แล้วค่อยเปลี่ยนชุด
แล้วก็น่าจะกลับฝั่งทันก่อนที่เรือหมด
ผมวางแผนไว้ซะดิบดี
กะว่า จะเป็นการเที่ยวไร่เลย์
ด้วยค่าเรือไป-กลับ 200บาทค่าน้ำ 20 บาท
แล้วค่อยกลับมานอน รร. ในเมือง
โอ้ว ... คิดแล้ว ตรูน่าจะประหยัดค่าที่พัก
ได้ตั้งหลายบาท

อุส่าห์คิดไว้ว่า เดี๋ยวค่อยเอาค่าที่พัก ไปลงกับของกิน
ทริปนี้ .. เที่ยวสะบายพุงอีกแล้วตรู (อิอิ)

... แต่
....... แต่
........... แต่
อ่านต่อไปก่อน จบง่ายๆ ได้ไง (T_T)

----------
กลับมาเซ็ตภาพก่อน ค่อยเล่าต่อ
ภาพเซ็ตนี้ เป็น บริเวณ อ่าว
ตรงหน้าถ้าพระนางนะครับ
จุดที่เราลงเรือ (อ่าวพระนาง)

----------
เที่ยงๆ จะมีเรือขายของกินจอดเพียบครับ
ไม่ต้องกลัวอด (แต่แพงหน่อยนะ)

----------
ราคาแบบชัดๆ (กดที่รูปเพื่อขยายเด้อครั่บ)

----------
ถ่ายจากจุดที่ลงเรือ มาทางถ้ำพระนาง

----------
เกาะที่เห็น ถ้าน้ำลง จะมีสันทราย
น้ำไม่ลึก เดินได้ถึงเกาะ ครับ
ส่วนทุ่นที่เห็น เป็นแนวกันห้ามเรือเข้ามา
ก็เพื่อให้ คนเล่นน้ำครับ (กั้นยาวจาก ถ้าพระนางมาเลย)

----------
ภาพนี้ถ่ายมาจากหน้าถ้ำไปทางจุดที่ลงเรือครับ

----------
ภาพนี้ถ่ายจากหน้าถ้ำไปทางทะเลครับ
ช่วงเช้าๆ จะแดดจะร่ม เล่นน้ำได้ไม่ต้องกลัวดำ

แต่จากที่ผมได้คุยกับคนขับเรือ
เค้าบอกว่า น้ำบริเวณนี้
มันไม่ค่อยจะ หมุนเวียน
ถ้าเล่นน้ำแบบนี้ มันจะคันตัว
แนะนำให้ไปเล่น แถวๆ ปอดะ
หรือ ทะเลแหวก ดีกว่า
(แต่ผมว่ามันร้อนอ่ะจิ >_<)

----------
ภาพนี้จากหน้าถ้ำพระนางเหมือนเดิมครับ
ซึ่งเกาะที่เห็นไกลๆ นั่น เป็นเกาะ ปอดะ
กับ ทะเลแหวก ครับผม

----------
บริเวณหน้าถ้ำพระนาง
จุดนี้จะเป็นจุดที่ฝรั่งมาปีนเขาเยอะครับ
ส่วน สาวๆ ฝรั่งที่นอนบริเวณหาดนี้
ดู กันเพลิน พี่น้องเอ๊ยยย (ซู๊ดดดดดปาก)

แถม lol~

----------
ภาพนี้ ตรงแท่งหินด้านขวา
หากใครติดตาม page ของโน๊ต อุดม
จะเห็นเฮียแกไปนอนถ่ายรูปตรงนั้นมาแหละ
ส่วนที่เห็นที่หน้าผานั่น
ดูดีๆ มีฝรั่งปีนอยู่ 1 คน
(ชาติที่แล้วมันเป็นลิงชัดๆ !!)

----------
ข้างๆ ถ้ำจะมีทางเดินไปหาดไร่เลย์ฝั่งตะวันออก
ตรงทางเดินจะมีห้องน้ำหยอดเหรียญด้วยนะครับ
(10 บาท)

หากใครปวดหนักๆ ก็มาใช้บริการได้
(ส่วนปวดเบา ผมว่าแอบไปปล่อยกันในน้ำทะเลกัน ชิมิชิมิ)

----------
ด้านหลังร้านคุณป้า ที่ผมไปฝากเป้
จะมีจุดหัดปีนเขาครับ

ปล. ไม่ได้ถ่ายร้านป้าเค้ามาด้วย
ขอ อภัยป้ามา ณ ทีนี้ นะครับ ^^"

ปล2. สาว 2 คนข้างหน้า น่ารักมว๊ากกกกก
(อู้ยยยยหื่น !!)

----------
ถ้าเป็นผมคงปีนได้ไม่เกิน 2 เมตร
เพราะติดพุง T_T

----------
จากนั้น เดินย้อนมาทางเดิม ครับ
ประมาณกลางทางจะมี ศาลา
และ ป้ายบอกว่า viewpoint+lagoon อยู่ข้างบนนี้
(ดู แผนที่เล็กๆ ด้านบนๆ ประกอบนะครับ)
และนี่คือ ภาพทางขึ้นครับ
ซึ่งก่อนขึ้น ผมแอบถามคุณป้า ว่าไกลมั้ย
ป้าเค้าบอกว่าไม่ไกลแต่ป้าก็ไม่เคยขึ้นเหมือนกัน
(shock !!)

----------
ขึ้นไปได้ ซักนิด .. ก็สวนกับฝรั่งที่กำลังลงครับ

----------
เมื่อขึ้นไปซักพัก ... เมื่อเจอทางแยกแรก
มันจะมีป้ายบอก "เลี้ยวซ้าย ไป viewpoint"
ซึ่งมันไม่ได้บอกว่า ทางขวาไปไหนคับ
แถมป้ายเล็กมากๆ

ขอเน้นอีกทีครับ
ว่า ถ้าคุณ เลี้ยวซ้าย
คุณจะพบ view point
แต่มันไม่บอกครับ ว่าทางขวาไปไหน
และผมก็ได้เดินมาทางซ้ายครับ

----------
[ณ จุด view point]
ด้านซ้ายมือของภาพ
คือ หาดไร่เลย์ฝั่งตะวันตก ครับ

ด้านขวามือคือหาดไร่เลย์ฝั่งตะวันออกครับ

----------
จากจุด viewpoint จะมีทางไปต่อ
ซึ่ง เน้นครับ เน้น เน้น เน้น
ว่า ให้ "ถอยกลับ" ครับ
อย่าไป ไม่งั้น คุณอาจจะพบ แบบใน VDO นี้



ผมปีนหน้าผาไปจนถึงยอดเขา
ก็ยังหา lagoon ไม่เจอ ... เพราะผิดทาง T_T

----------
และหลังจากไป วิ่งวนๆ
หลงอยู่ยอดเขากับฝรั่งเศษอีกคน
ผมก็ตัดสินใจกลับ
และ ก็มานั่งพักอยู่ที่ viewpoint
ก่อนจะกลับ ดันเจอฝรั่งที่เพิ่งขึ้นมา

ผม : you found lagoon ?

ฝรั่ง : เยส, ไอ ฟิ้นนิ้ช ลากูน

ผม : where is lagoon ?

ฝรั่ง : (ชี้นิ้วไปทางที่เราขึ้นมา)
ฝรั่ง : เทรินเลฟ แอ่น ดาวน์ ดาวน์ ดาวน์
ฝรั่ง : (มันทำท่าโหนเชือก)

ผมเลย สรุปประมาณว่า
มันให้กลับไปแยกแรกที่แมร่งไม่มีป้าย
แล้วเลี้ยวไปอีกทาง
จากนั้น เดินไปเรื่อยๆ
จะเจอ ทางลง ประมาณ 3 ครั้ง
ซึ่งแมร่ง ต้องโหนเชื่อก ลงจากหน้าผา 3 ครั้ง >_<

และภาพนี้ คือ ฝรั่งเศษ คนที่หลงไปกับผม
กำลังไต่เชือก ลงไป lagoon
(หลงวิ่งตามมันไป เป็น ชม.ๆ ไอ้ตูก็นึกว่ามึงรู้ทาง )

ปล. ถ้าใครคิดว่าภาพนี้นี่โหดแล้ว .. ขอบอกว่า ยัง !!
... "นี่แค่เพิ่งเริ่ม" ...
ซึ่งตอนที่เห็นทางลงอันนี้
ผมคิดในใจว่า โอ้ว ไอ้ ดาวน์ๆ
ของฝรั่งที่มันบอกทาง
แมร่ง แค่นี้จิ๊บๆ ว่ะสา~~~~ด

----------
และแล้ว ผมก็เจอ น้องดาว ของจริง

ไอ้เยกเปียก .. นี่ชิมิ ดาวน์ๆ ของมึง !?
(ภาพนี้ ต้องไต่เชื่อกด้านซ้ายลงไป)
ส่วน ฝรั่งเศษ ที่ร่วมชะตาการหลงกับผม
รองเท้าเค้าขาด เค้าเลย ยอมแพ้ ขอตัวกลับ
ผมเองก็สงสารมันนะ อุส่าห์หลงด้วยกันตั้งนาน

ปล. แมร่งเหมือนมันปล่อยตูหลอนอยู่คนเดียว >_<

----------
นี่คือที่ไต่ลงมา

----------
และภาพนี้ คือ ทางไปต่อ
สา~~~~ด ต้องไต่ลงเหวอีกแล้ว

----------
และก็ยังต้อง ไต่เชื่อก ลงอีกครั้ง >_<"

----------
ระหว่างที่ ผมคลานลงไปหา lagoon เรื่อยๆ
ก็มี ญี่ปุ่น ร่วมชะตากรรม มา 1 คน
(มันมาคนเดียวเหมือนกัน แต่มันไม่หลงทาง - -'')
^
|
|
สนุกใหญ่เลยนะเมิง
ส่วนกุ จะตายตั้งแต่อยู่วิวพ้อยแล้ว

สารภาพเลยว่า ขาผม สั่นดิ๊กๆ
แบบหมดแรงมากๆ
เนื่องจาก ไป หลงอยุ่กับฝรั่งเศษเสื้อน้ำเงินนั่น

----------
แล้วก็ลงมาถึง lagoon

----------
ภาพ lagoon ครับผม

----------
ภาพ lagoon อีกภาพ
ภาพนี้ผมมือสั่นเพราะหมดแรงแล้ว

ซึ่งน้ำผมหมดตั้งแต่ view point แล้ว
จริงๆ ผมก็กะจะกลับแล้วด้วย
แต่เพราะคิดว่าไม่ไกล
ทางคงไม่น่าจะลำบาก
และที่ สำคัญ ถ้าไปไม่ถึง ..
ผมโดนเพื่อนในแก๊งเย้ย เละ แน่ๆ

สรุป เลยต้องกัดฟัน คลานลงไปต่อ
กว่าจะลงมาถึง แทบเป็นลม >_<"

ปล. ตรงนี้ โทรศัพท์ก็ไม่มี สัญญาณ
คนก็ไม่ค่อยมีเลย .. มีแต่ เสียงลิง
(บรรยากาศ แมร่ง หลอน พอสมควร)

----------
lagoon อีกซักภาพ

----------
จากนั้น ก็คุยกับ ญี่ปุ่น ซักพัก
เค้าก็ให้นามบัตรมา
(เค้าชื่อ ไดสุเกะ มาเที่ยว คนเดียวเหมือนกัน)

เค้าบอกว่า เราคือ เซอไวเวอร์
ที่พิชิต ทางโหดๆ ในการมาถึงลากูนได้
จากนั้นมันก็ไปชิมลากูนแล้วบอกว่า "โอ้ว ซ๊อล"

ตูเลยบอก เวร ตูน้ำหมดแล้วด้วย
มันก็ใจดีแบ่งน้ำให้ผมด้วยนะ
แต่ผมแมร่ง ทำพระเอก ไม่รับน้ำเค้าไว้
ผมขอบคุณ แล้วให้เค้าเก็บไว้กินเอง
ถึงตอนนี้ผมยังคิดอยุ่เลย
ว่าทำไมผมถึงไม่ยอมขอน้ำจากมัน T__T

ไดสุเกะ : you OK ?

ผม : โอเคว่ะ กูโอเค

ไดสุเกะ : really ?

ผม : เยส แอมโอเค ไดสุเกะ
ผม : แอมควาย เอ้ย แอมฟาย~*

จากนั้นขากลับ เค้าก็ปีนแบบรอๆ
ผมนะแต่ผมหมดแรง อยากจะคลานกลับมาก
มันก็รออยุ่นั่นแหละ ผมเลยบอกให้มันไปก่อนเลย ไม่ต้องรอ

แป๊ปเดียว มันก็ปีนลิ่วๆๆๆ หายไปเลย
ส่วนผมก็ค่อยๆคลานกลับขึ้นมาทางแยก
แล้วคลานกลับลงไปร้านป้าข้างล่าง

ปล. ผมพกน้ำเหลือๆ จากที่กินติ่มซำ
ไปครึ่งขวดเล็ก แล้ว ซื้อเพิ่มอีก 1 ขวดเล็ก
แล้วเนียลไปซื้อน้ำจากป้าร้านน้ำเพื่อเนียลฝากเป้
อีก 1 ขวดเล็ก

ตอนแรก กะว่า ทิ้งไว้ข้างล่าง ซักขวด
คิดไว้ว่า คงกินขาขึ้น 1 ขวดครึ่ง
แล้วขาลง ครึ่งขวด น่าจะพอ
แต่ดันหลงทางแดกแมร่งหมดทุกขวด
ตั้งแต่ ถอดใจกลับมาถึงวิวพ้อย
(หมดตั้งแต่ไม่ไป lagoon)

ปล2. ขากลับใช้คำว่า
"คลาน+ถดทีละนิดๆ แบบคนแก่"
ถึงจะเหมาะสม ที่สุด

----------
สรุปว่า ผมขึ้นไปตอน 9:00
ขากลับ กลับลงมาถึงทางขึ้น
ราวๆ บ่าย 3:40 อ่ะ >_<"

พอกลับลงมา ก็ไปร้านป้า
ป้าไม่เหลือกับข้าวอะไรแระ
เพราะ จะ 4 โมงแระ ขายหมดแระ

ผมก็เลยสั่งข้าวไข่เจียวป้าเค้ามากิน
จานละ 50 บาท+สปอร์นเซอร์ 2 ขวด
+น้ำเปล่าอีก 2 ขวด

ด้วยความที่หมดแรง+เพลีย+อยากนอนมาก
ก็เลยตัดสินใจยอมไม่กลับฝั่ง
เลยถามป้าเค้า

ผม : โรงแรมที่ไม่ถึงพัน มีมั้ยป้า
ป้า : ไปแถวๆ เขาโน้น รุ้สึกฝรั่งจะบอกว่ามีนะ
(ป้าชี้ไปทาง diamond cave resort)

ด้วยความสัตย์จริง ..
ผมรู้ว่า คำตอบแบบนี้ ผู้ตอบคงจะ ฟังเค้ามาอีกที
ดังนั้น โอกาศ ที่จะหาเจอ เหมือนนั่งสอบข้อสอบ O-net
ที่ต้องเดาเอง ว่า โรงแรมไหนวะ ที่มันไม่ถึงพัน
ก็เลยเดินหาโรงแรม เองอยู่ดี .. ซึ่งระหว่างทาง
พวก โรงแรมที่ติดหาด มีแต่ หรูๆ
ไอ้ผมก็ไม่มีตัง ก็ไม่กล้าเข้าไปถาม
(เกิดคืนละ 3500+ ตรูได้ ใส่เกียร์ถอยหลังไม่ทัน)

ก็เลยเดินไป+เข้าซอยไปเรื่อยๆ
ผมเน้นมองโรงแรมที่ไม่ติดหาด
เดินจนเจอ บังกะโล ราคา 650/คืน (แต่มันดันเต็ม)
จนคิดว่าสุดทางเดินแล้ว
(จริงๆยังไปต่อได้อีก จนทะลุหาดต้นไทร)

ซึ่งผมก็หมดแรงที่นั่นพอดี
ผมก็เลย เอาก็เอาวะ
เลือก โรงแรมนี้ เลยแล้วกัน
คืนเท่าไหร่ก็ช่าง
(โรงแรม ที่อยู่บริเวณหน้าถ้ำพระนางใน)

สรุป เค้าเหลือแต่ห้องแอร์คืนละ 1,700
ผมเลยขอเป็นไม่เอาอาหารเช้า
ก็เลยได้ลดอีก 200 เหลือ 1,500
และ ตอนนั้น ผมเข้าพักตอน 4 โมงเย็นแล้ว
ซึ่งถ้าผมไม่พัก ห้องก็คงจะว่าง
เค้าก็เลยลดเหลือ 1,300/คืน
แต่ห้องเก่าไปหน่อย แต่ต้องทำใจว่า
ห้องพักตามเกาะจะโทรมไวกว่าฝั่ง
เพราะ ดูแล+ซ่อมแซมลำบากกว่า

แล้วผมก็จัดการอาบน้ำ
ด้วยการ นอนอาบ
อยู่กับพื้นห้องน้ำของโรงแรมนั่นแหละ
(ก็ป๋มยืนไม่ไหว แล้วก๊าบ )
กว่าจะอาบเสร็จ ทุลักทุเล
แล้วก็เช็ดตัว แต่งตัว
แล้วไปนอนแผ่พุงกลมๆ อยุ่บนเตียง
แถม นอนก็นอนไม่หลับ
เพราะเมี่อยมากกกก
กลิ้งไปกลิ้งมา อยู่จนเกือบ 6 โมง

ก็ตัดสินใจ เอาวะ ไปหาอะไรกิน
แล้วเดี๋ยว ซื้อยาคลายกล้ามเนื้อ
+แก้ปวด+ไปนวดซักหน่อย
แล้วค่อยกลับมานอนแม่มเลยดีกว่า
กุไม่ดง ไม่เดินเล่นบนเกาะตอนดึกแล้วก็ได้

บางคนอ่านแล้วอาจจะคิดว่า
ผมจะเหนื่อยเวอร์ไปมั้ยพี่ .. แค่นี้จิ๊บๆ
แต่ขอบอกเลยว่า
จากการนั่งหน้าคอมไม่ไปไหน (ซักเท่าไหร่)
ผมไม่เคยออกกำลังกายเลย
จากที่เคย นน. 55 ตอนนี้ นน. เกือบ 80

และที่สำคัญ การปีนเขาครั้งนี้
ถือเป็นการออกกำลังกายครั้งแรกของผม
ในรอบ 3 ปี ด้วยซ้ำ
เอาเป็นว่า คิดซะว่า
มีคนจับเอาคน น้ำหนัก 80 ไปปีนเขา+เดินป่า
ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง บ่าย 3:40 แล้วกัน

----------
และเหมือนโชคช่วย
พอออกมาจากโรงแรม
ก็เลยไปได้ภาพพระอาทิตย์ตก มาพอดี
(ฟรุ๊กสุดๆ .. ดีนะที่ตูหิวพอดี)

อีกภาพ

----------
จากนั้นไปนั่งสั่งข้าวผัด
รอนานมากกกกกก
(นั่งกินคนเดียว ... โอ้ว forever alone สุดๆ )

----------
แล้วก็ซื้อยาคลายกล้ามเนื้อ
จากร้านค้าข้างๆ ... ซึ่ง ไม่มี >_<
(^-- จะเขียนทำไม ? .. เพื่อ ?)
แต่มีที่ร้าน เค้ามียาแก้ปวดไง .. แหะๆ
ก็เลยได้ยาแก้ปวดมา

ปล. คลีนิคอยู่ไกล เกิ๊น ก็เลยไม่เดินไป - -''

----------
แวะนวดขา .. ชม. ละ 350
(จังหวะนี้ 500 ผมก็ยอมแล้วนะ เพราะเดินไม่ได้เลยจริงๆ)

----------
หลังจากนั้น ผม ก็กลับที่พัก หลับยาวว
แล้วก็ตื่นเช้ามาทานข้าวเช้าที่โรงแรม
(ข้าวต้มกุ้ง ไม่ใส่ผักอะไรเลย)

ภาพนี้ ถ่ายจากร้านข้าวของโรงแรม
ถ่ายไปทางทะเล
(หาดไร่เลย์ฝั่งพระอาทิย์ขึ้น)

ซึ่งผมดันตื่นไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้น
เลยไม่รุ้ว่า ถ้าพระอาทิตย์ขึ้นพอดีมันจะสวยมั้ย

----------
ถ่ายจากร้านข้าวไปทางเขา

----------
แล้วขากลับ ผมเดินเรียบฝั่งหาดไร่เลย์
(ฝั่งพระอาทิตย์ขึ้น)
ก็เลยเดินไปถ่ายรูปไป นิดหนึ่ง






----------
หลังจากกลับถึงฝั่ง ก็เข้าร้านยา
ได้ยา นอจีสิก เทอโคดี เมดิเท็บ มากิน

----------
หลังจากนั้น กลับบ้าน ก็ยังไม่หาย
ต้องไปหาหมอต่อ .. และได้ยามาอีก

----------
เอาล่ะ เขียนมาให้อ่านยาวพอแระ
อ่านเพนื่อยแล้ว อ่ะดิ ?

งั้น สำหรับทริปไร่เลย์
และการ ไปหา lagoon ของผม
ขอจบแต่เพียงเท่านี้

ขอบคุณทุกท่านที่รับชมจนจบ
อย่าลืมตรวจสัมภาระก่อนออกจากเวป
แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าเมื่อมีเงินอำนวย

ส่วนค่าเสียหายทริปนี้
อยู่กระบี่ 10 วัน .. ใช้เงินไป 4 พัน
(จ่ายแค่ ค่ารถ+ค่ากิน+ค่าโรงแรม ที่ไร่เลย์)
ส่วน ค่า รร. ซิตี้+ใช้จ่ายในเมืองทั้งหมด เสี่ยต๊ะ เลี้ยง
ดังนั้น ขอขอบคุณเสี่ยต๊ะ มา ณ ที่นี้ ครับผม /kiss

ปล. ทริปนี้ ผมป่วยยาววววว
ตั้งแต่วันที่ 6 กพ. จน วันที่ 2 มีนา.

No comments:

Why You Don't LIKE My FaceBook Fanpage ?
×
blogger